เนื้อหาที่เรียน
>>อาจารย์ได้ทบทวนเกี่ยวกับขอบข่ายของคณิตศาสตร์ที่นักศึกษาเข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
ซึ่งได้แก่ การจัดประเภท การเรียงลำดับ การจำแนก จับคู่ ตัวเลข รูปร่าง รูปทรง ปริมาตร พื้นที่ การวัด การแบ่งกลุ่ม ฯลฯ
>>จากนั้นอาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับขอบข่ายคณิตศาสตร์สำหรับปฐมวัยที่ถูกต้อง ที่นักศึกษาควรรู้เพื่อเป็นนำไปจัดประสบการณ์คณิตศาสตร์แก่เด็กปฐมวัย ดังนี้
นิตยา ประพฤติกิจ
1.
การนับ (Counting) เป็นคณิตศาสตร์เกี่ยวกับตัวเลขอันดับแรกที่เด็กรู้จัก
เป็นการนับอย่างมีความหมาย เช่น การนับตามลำดับตั้งแต่ 1
- 10 หรือมากกว่านั้น
2.
ตัวเลข (Number) เป็นการให้เด็กรู้จักตัวเลขที่เห็นหรือใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน
ให้เด็กเล่นของเล่นเกี่ยวกับตัวเลข
ให้เด็กได้นับและคิดเองโดยครูเป็นผู้วางแผนจัดกิจกรรม
อาจมีการเปรียบเทียบแทรกเข้าไปด้วย เช่น มากกว่า น้อยกว่า ฯลฯ
3.
การจับคู่ (Matching) เป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการสังเกตลักษณะต่าง
ๆ และจับคู่สิ่งที่เข้าคู่กัน เหมือนกัน หรืออยู่ประเภทเดียวกัน
4.
การจัดประเภท (Classification) เป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการสังเกตคุณสมบัติของสิ่งต่าง ๆ ว่ามีความแตกต่างหรือเหมือนกันในบางเรื่อง
และสามารถจัดเป็นประเภทต่าง ๆ ได้
5.
การเปรียบเทียบ (Comparing) เด็กจะต้องมีการสืบเสาะและอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่งหรือมากกว่า รู้จักใช้คำศัพท์ เช่น ยาวกว่า
สั้นกว่า หนักกว่า เบากว่า ฯลฯ
6. การจัดลำดับ (Ordering) เป็นเพียงการจัดสิ่งของชุดหนึ่ง ๆ ตามคำสั่งหรือตามกฎ เช่น จัดบล็อก 5 แท่ง ที่มีความยาวไม่เท่ากัน
ให้เรียงตามลำดับจากสูงไปต่ำ หรือ จากสั้นไปยาว
7.
รูปทรงและเนื้อที่ (Shape and Space) นอกจากให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องรูปทรง และเนื้อที่จากการเล่มตามปกติแล้ว
ครูยังต้องจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงกลม สามเหลี่ยม
สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า ความลึกตื้น กว้างและแคบ
8.
การวัด (Measurement) มักให้เด็กลงมือวัดด้วยตนเอง
ให้รู้จักความยาวและระยะรู้จักการชั่งน้ำหนักและรู้จักการประมาณการอย่างคร่าว ๆ ก่อนที่เด็กจะรู้จักการวัด
ควรให้เด็กได้ฝึกฝนการเปรียบเทียบและการจัดลำดับมาก่อน
9.
เซต (Set) เป็นการสอนเรื่องเซตอย่างง่าย ๆ จากสิ่งรอบ
ๆ ตัว มีการเชื่อมโยงกับสภาพรวม เช่น รองเท้ากับถุงเท้า ถือว่าเป็นหนึ่งเซต
หรือห้องเรียนมีบุคคลหลายประเภท แยกเป็นเซตได้ 3
เซต คือ นักเรียน ครูประจำชั้น ครูช่วยสอน เป็นต้น
10.
เศษส่วน (Fraction) ปกติการเรียนเศษส่วนมักเริ่มเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่
1แต่ครูปฐมวัยสามารถสอนได้โดยเน้นส่วนรวม (The
Whole Object) ให้เด็กเห็นก่อน
มีการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เด็กได้เข้าใจความหมายและมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับครึ่งหรือ
11.
การทำตามแบบหรือลวดลาย (Patterning) เป็นการพัฒนาให้เด็กจดจำรูปแบบหรือลวดลาย และพัฒนาการจำแนกด้วยสายตา ให้เด็กฝึกสังเกต ฝึกทำตามแบบและต่อให้สมบูรณ์
12.
การอนุรักษ์ หรือการคงที่ด้านปริมาณ (Conservation) ช่วงวัย 5 ขวบ ขึ้นไป ครูอาจเริ่มสอนเรื่องการอนุรักษ์ได้บ้าง โดยให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง
จุดมุ่งหมายของการสอนเรื่องนี้ก็คือ
ให้เด็กมีความคิดรวบยอดเรื่องการอนุรักษ์ที่ว่า ปริมาณของวัตถุจะยังคงที่ไม่ว่าจะย้ายที่หรือทำให้มีรูปร่างเปลี่ยนไปก็ตาม
เยาวพา เดชะคุปต์ (2542 .
87 - 88) ได้ให้ความสำคัญของขอบข่ายคณิตศาสตร์ระดับปฐมวัย
โดยนำเสนอเนื้อหาการสอนคณิตศาสตร์แนวใหม่ที่ครูควรศึกษา
เพื่อจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก ดังนี้
1.
การจัดกลุ่มหรือเซต สิ่งที่ควรสอนได้แก่
1.1 การจับคู่ 1 : 1
1.2 การจับคู่สิ่งของ
1.3 การรวมกลุ่ม
1.4 กลุ่มที่เท่ากัน
1.5 ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลข
2.
จำนวน 1 - 10 การฝึกนับ 1 - 10 จำนวนคู่ จำนวนคี่
3.
ระบบจำนวน (Number System) และชื่อของตัวเลข 1
= หนึ่ง 2 = สอง
4.
ความสัมพันธ์ระหว่างเซตต่าง ๆ เช่น เซตรวม การแยกเซต ฯลฯ
(Union / Operation sets)
5.
สมบัติของคณิตศาสตร์จากการรวมกลุ่ม (Properties of Math)
6.
ลำดับที่ ความสำคัญ และประโยคคณิตศาสตร์ ได้แก่
ประโยคคณิตศาสตร์ที่แสดง
ถึงจำนวนปริมาตร คุณภาพต่าง ๆ เช่น มาก - น้อย สูง – ต่ำ
7.
การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เด็กควรสามารถวิเคราะห์ปัญหาง่าย ๆ ทาง
คณิตศาสตร์ทั้งที่เป็นจำนวนและไม่ใช่จำนวน
8. การวัด (Measurement) ได้แก่ การวัดสิ่งที่เป็นของเหลว สิ่งของ เงินตรา อุณหภูมิ ฯลฯ
รวมถึงมาตราส่วนและเครื่องมือในการวัด
9.
รูปทรงเรขาคณิต ได้แก่ การเปรียบเทียบรูปร่าง ขนาด ระยะทาง เช่น
รูปสิ่งของที่มี
มิติต่าง ๆ จากการเล่มเกม และจากการศึกษาถึงสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว
10. สถิติและกราฟ ได้แก่
การศึกษาจากการบันทึก
ทำแผนภูมิ การเปรียบเทียบต่าง ๆ
นิตยาประพฤติกิจ (2541 : 17 - 19) กล่าวว่า
ขอบข่ายของคณิตศาสตร์ในระดับปฐมวัยควรประกอบด้วยหัวข้อของเนื้อหาหรือทักษะดังต่อไปนี้
1.
การนับ (Counting) เป็นคณิตศาสตร์เกี่ยวกับตัวเลขอันดับแรกที่เด็กรู้จัก
เป็นการ
นับอย่างมีความหมาย เช่น การนับตามลำดับตั้งแต่ 1
- 10 หรือมากกว่านั้น
2.
ตัวเลข (Number) เป็นการให้เด็กรู้จักตัวเลขที่เห็นหรือใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน
ให้
เด็กเล่นของเล่นเกี่ยวกับตัวเลข
ให้เด็กได้นับและคิดเองโดยครูเป็นผู้วางแผนจัดกิจกรรม
อาจมีการเปรียบเทียบแทรกเข้าไปด้วย เช่น มากกว่า น้อยกว่า ฯลฯ
3.
การจับคู่ (Matching) เป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการสังเกตลักษณะต่าง
ๆ และจับคู่
สิ่งที่เข้าคู่กัน เหมือนกัน หรืออยู่ประเภทเดียวกัน
4.
การจัดประเภท (Classification) เป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการสังเกตคุณสมบัติของ
สิ่งต่าง ๆ ว่ามีความแตกต่างหรือเหมือนกันในบางเรื่อง
และสามารถจัดเป็นประเภทต่าง ๆ ได้
5.
การเปรียบเทียบ (Comparing) เด็กจะต้องมีการสืบเสาะและอาศัยความสัมพันธ์
ระหว่างของสองสิ่งหรือมากกว่า รู้จักใช้คำศัพท์ เช่น ยาวกว่า
สั้นกว่า หนักกว่า เบากว่า ฯลฯ
6. การจัดลำดับ (Ordering) เป็นเพียงการจัดสิ่งของชุดหนึ่ง ๆ ตามคำสั่งหรือตามกฎ เช่น
จัดบล็อก 5 แท่ง ที่มีความยาวไม่เท่ากัน
ให้เรียงตามลำดับจากสูงไปต่ำ หรือ จากสั้นไปยาว
7.
รูปทรงและเนื้อที่ (Shape and Space) นอกจากให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องรูปทรงและ
เนื้อที่จากการเล่มตามปกติแล้ว
ครูยังต้องจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับวงกลม สามเหลี่ยม
สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า ความลึกตื้น กว้างและแคบ
8.
การวัด (Measurement) มักให้เด็กลงมือวัดด้วยตนเอง
ให้รู้จักความยาวและระยะ
รู้จักการชั่งน้ำหนักและรู้จักการประมาณการอย่างคร่าว ๆ ก่อนที่เด็กจะรู้จักการวัด
ควรให้เด็กได้ฝึกฝนการเปรียบเทียบและการจัดลำดับมาก่อน
9.
เซต (Set) เป็นการสอนเรื่องเซตอย่างง่าย ๆ จากสิ่งรอบ
ๆ ตัว มีการเชื่อมโยงกับ
สภาพรวม เช่น รองเท้ากับถุงเท้า ถือว่าเป็นหนึ่งเซต
หรือห้องเรียนมีบุคคลหลายประเภท แยกเป็นเซตได้ 3
เซต คือ นักเรียน ครูประจำชั้น ครูช่วยสอน เป็นต้น
10.
เศษส่วน (Fraction) ปกติการเรียนเศษส่วนมักเริ่มเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่
1
แต่ครูปฐมวัยสามารถสอนได้โดยเน้นส่วนรวม (The
Whole Object) ให้เด็กเห็นก่อน
มีการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เด็กได้เข้าใจความหมายและมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับครึ่งหรือ
11.
การทำตามแบบหรือลวดลาย (Patterning) เป็นการพัฒนาให้เด็กจดจำรูปแบบ
หรือลวดลาย และพัฒนาการจำแนกด้วยสายตา ให้เด็กฝึกสังเกต ฝึกทำตามแบบและต่อให้สมบูรณ์
12.
การอนุรักษ์ หรือการคงที่ด้านปริมาณ (Conservation) ช่วงวัย 5 ขวบ ขึ้นไป ครู
อาจเริ่มสอนเรื่องการอนุรักษ์ได้บ้าง โดยให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง
จุดมุ่งหมายของการสอนเรื่องนี้ก็คือ
ให้เด็กมีความคิดรวบยอดเรื่องการอนุรักษ์ที่ว่า ปริมาณของวัตถุจะยังคงที่ไม่ว่าจะย้ายที่หรือทำให้มีรูปร่างเปลี่ยนไปก็ตาม
งานที่ได้รับมอบหมาย
**อาจารย์ให้นักศึกษาจับคู่ทำงานส่ง โดยให้วิเคราะห์กิจกรรมจะจัดให้กับเด็กอย่างไร
ของอาจารย์นิตยา ประพฤติกิจ ( 12 ข้อ )